วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รวมภาพประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010


รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010 มหกรรม ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ได้เดินทางมาถึงวันสุดท้าย โดยที่เจ้าภาพจัดพิธีปิดการแข่งขันที่สนามซอคเกอร์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก เรียบร้อย เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010 โดยเจ้าภาพ แอฟริกาใต้ ได้จัดพิธีปิดประกอบแสง-สี-เสียง อย่างสวยงาม ผสมผสานการแสดงด้านวัฒนธรรมของประเทศ สร้างความประทับใจคนทั่วโลก และมี ชาคีร่า นักร้องสาวขึ้นมาร้องเพลงปิดพิธีมหกรรม ฟุตบอลโลก พร้อมด้วยทีมแสดงจากชาติเจ้าภาพ

นอกจากนี้ หลังจากการแสดงพิธีปิดจบลง เนลสัน แมนเดล่า อดีตผู้นำ และตำนานของประเทศแอฟริกาใต้ ได้เข้ามาร่วมในงานนี้ด้วย พร้อมกับภรรยา ก่อนที่ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กัปตันทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลกปี 2006 จะเดนทางมาพร้อมถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพ เพื่อส่งมอบถ้วยให้กับแชมป์หน้าใหม่ หลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศระหว่าง สเปน -ฮอลแลนด์

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010

รวมภาพความประทับใจพิธีปิดงาน ฟุตบอลโลก 2010
ที่มา http://sport.mthai.com/worldcup2010-football/36538.html
แท็ก : world cup 2010, ฟุตบอล, ฟุตบอลโลก

ฟอร์ลัน รับแข้งยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2010 มุลเลอร์ ซิว2รางวัล

ฟอร์ลัน รับแข้งยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2010 มุลเลอร์ ซิว2รางวัล ดิเอโก้ ฟอร์ลัน (อุรุกวัย) / Diego Forlan (Uruguay)
สหพันธ์ ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้จัดการประกาศรางวัลต่างๆ ประจำศึกฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย จากสโมสร แอตเลติโก มาดริด ทีมในศึก ลา ลีกา สเปน สร้างเซอร์ไพรส์ คว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ หรือ อาดิดาส โกลเดนบอล อวอร์ด มาครองได้อย่างพลิกความคาดหมาย จากผลงาน 5 ประตู จาก 7 นัด พาทีม อุรุกวัย คว้าอันดับ 4 ของเวิลด์ คัพ ฉบับ แอฟริกา ในขณะที่ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ และ ดาบิด บีย่า ตามมาเป็นอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

ขณะที่รางวัลอื่นๆ นั้น โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าดาวรุ่งจาก บาเยิร์น มิวนิค ทีมรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากเยอรมัน นั้นประกาศศักดา ซิวทั้งรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม “ฮุนได เบสต์ ยัง เพลเยอร์ อวอร์ด” และ รางวัล รองเท้าทองคำ “อาดิดาส โกลเด้น บูธ” หรือดาวซัลโว ประจำทัวร์นาเมนต์ โดยแม้ว่า มุลเลอร์ นั้นจะทำได้ 5 ประตู เท่ากับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน(อุรุกวัย), เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (ฮอลแลนด์) และ ดาบิด บีย่า (สเปน) แต่จากการที่ ไอ้หนูวัย 20 ปีรายนี้ มีสถิติผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูมากกว่าทั้งนักเตะทั้งสามราย ส่งผลรางวัลรองเท้าทองคำตกเป็นของเขาทันที

อย่างไรก็ตาม การคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของ มุลเลอร์ ในวัย 20 ปีนั้น ยังไม่ใช่สถิติดาวซัลโวที่อายุน้อยที่สุด โดยสถิติดังกล่าวยังคงเป็นของ ฟลอเรียน อัลเบิร์ต ดาวยิงชาวฮังการี ในฟุตบอลโลก 1962 ที่ประเทศชิลี โดยอัลเบิร์ต ในตอนนั้นมีอายุ 20 ปีเท่ากับ มุลเลอร์ แต่ว่าตัวของดาวเตะ แมกยาร์ นั้นอ่อนวันกว่า มุลเลอร์

ส่วนทีมชาติสเปน เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกในครั้งนี้ ก็เป็นทีมที่ได้รางวัล แฟร์เพลย์ อวอร์ด และ อีเคร์ กาซิยาส นายทวารทีม “กระทิงดุ” ก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำรายการอีกด้วย

สรุปรางวัลศึก ฟุตบอลโลก 2010
นักเตะยอดเยี่ยม – ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (อุรุกวัย)
รองเท้าทองคำ (ดาวซัลโว) – โธมัส มุลเลอร์ (เยอรมัน) 5 ประตู มีอีก 3 คนที่ยิงได้เท่ากัน คือ ดาบิด บีย่า (สเปน), เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (ฮอลแลนด์) , ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (อุรุกวัย)
ดาวรุ่งยอดเยี่ยม - โธมัส มุลเลอร์ (เยอรมัน)
ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม - อีเกร์ กาซิยาส (สเปน)
แฟร์เพลย์ อวอร์ด – ทีมชาติสเปน

ที่มา http://sport.mthai.com/worldcup2010-football/36616.html

ผลบอล : สมศักดิ์ศรีสเปนคว่ำอัศวินสีส้ม 1-0 คว้าแชมป์โลกไปครอง


ผลบอล : สมศักดิ์ศรีสเปนคว่ำอัศวินสีส้ม 1-0 คว้าแชมป์โลกไปครอง
ผลฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ
ฮอลแลนด์ 0-1 สเปน
เริ่มเกม ฮอลแลนด์เป็นฝ่ายเริ่มเขี่ยบอลก่อนบุกจากขวาไปซ้าย ซึ่งในช่วงเเรกทั้งสองทีมยังครองเกม ดูจังหวะกันอยู่ และในนาทีที่4 สเปนมีจังหวะทำประตูครั้งจาก การเปิดฟรีคิกจากฝั่งขวาของซาบี และรามอสพุ่งเข้ามาโขกเต็มๆ แต่สเตเคเลนเบิร์ก ก็บินปัดออกไปได้ 5 นาทีผ่านเป็นทางด้านสเปนทำเกมบุกใส่ฮอลแลนด์ได้มากกว่า แต่ฮอลแลนด์ก่อนใช้การตัดบอลหนัก ในการทำลายเกมรุกของสเปน

และในจังหวะต่อมาอลอนโซ่ จ่ายบอลเข้ากลางพลาดและเป็น เค้าท์ ที่ได้จังหวะฉวดโอกาส ได้สับไกลยิงระยะ30หลา แต่ลูกนี้ก็เบาเกินไป บอลพุ่งเรียดเข้าซองกาซียาสแบบสบายๆ และสองนาทีถัดมา บีย่าได้จังหวะยิงด้วยซ้ายจากการเปิดเตะมุม ของซาบีทางมุมธงฝั่งขวา แต่บอลก็พุ่งเข้าข้างตาข่ายไปแบบน่าเสียดาย

15นาทีผ่าน เป็นทางด้านทีมสเปนทีทำเกมบุกได้ดีกว่าฮอลแลนด์ โดยที่ฮอลแลนด์มีจังหวะยิงประตูเพียงแค่ครั้งเดียว เข้าสู่นาที ที่ 20 เป็นทางด้านทีมฮอลแลนด์ที่เริ่มสร้างเกมบุกของตัวเองได้บ้างแล้ว โดยใช้รอบเบนเป็นตัวลากเลื่อยทางริมเส็นทางฝั่งขวา และมีโอกาสเปิดบอลให้เพื่อนทำประตูได้หลายครั้ง

และในนาทีที่ 28 ไนเจล เดอ ยอง ไปกระโดดถีบ เข้ากลางอกของอลอนโซ่เต็มๆ ต้องบอกเลยว่าลูกนี้อันตรายจริงๆ ทำให้อลอนโซ่ถึงลงไปนอนกับพื้นร้องโอดๆ เลยที่เดียว แต่ไน

เจล เดอ ยอง โดนโทษแค่ใบเหลืองเท่านั้น
35 นาทีผ่าน ทั้งสองทีมต่างตัดเกมและมีจังหวะการปะทะอันตรายหลายต่อหลายครั้ง และมีใบเหลืองถึง 5 ใบแล้วในครึ่งแรก ในอีกสองนาทีต่อมา เป็นทางด้านทีมฮอลแลนด์ได้เตะมุกจากมุมธงฝั่งขวา เป็นรอบเบนโยนเลยมาถึงเสาสอง ให้ มาไธจ์เซ่น ยื่นโล่งๆคนเดียว แต่มาไธจ์เซ่น ยิงจั่วลมแบบน่าเกลียด ฮอลแลนด์พลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

เข้าสู่นาทีที่40กลางของทีมสเปนไม่มีโอกาสสร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างถนัดเลย และเป็นฮอลแลนด์ที่ตั้งเกมบุกใส่ทางด้านสเปนได้มากกว่าแล้ว

และในช่วงท้ายครึ่งแรกเป็นทางด้านทีมสเปนลงไปตั้งเกมรับกับอยู่หน้าปากประตู และในช่วงทดเวลา เป็นทาง รอบเบนได้จังหวะยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งจะเสียบเสาแรกอยู่แล้ว แต่การ์ซียาสพุ่งสุดตัวปัดออกหลังไปได้ อย่างหวุดหวิด จบครึ่งแรก ฮอลแลนด์ 0 สเปน 0

เริ่มเกมมาในครึ่งหลัง ในช่วงแรกทั้งสองทีมยังครองบอลกันส่วนใหญ่อยู่กลางสนาม และทั้งสองทีมยังไม่สามารถหาโอกาสยิงประตูกันได้อย่างถนัด โดยทางซาบี มีบทบาทน้อยมากในการสร้างสรรค์เกมบุกให้กับทางด้านสเปน เพราะโดนกองกลางของทางฮอลแลนด์ไล่บีบพื้นที่กันได้ดีเหลือเกิน

55 นาทีผ่าน ทั้งสองทีมยังคงเล่นกันได้อย่างสู่สีเหลือเกิน ต่างฝ่ายต่างมีเกมรับที่เหนียวแน่นทำการหาโอกาสยิงประตู มีกันน้อย เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าบอลกันหนักเหลือเกิน โดยเป็นฝ่ายฮอลแลนด์ที่โดนใบเหลืองไปแล้ว 5 ใบ และทางฝั่งสเปนอีก 2 ใบ

นาทีที่ 60 สเปนเปลี่ยนเอา เปโดร โรดริเกซ ออก แล้วเอา เจซุส นาบาส ลงมาเล่นแทน ถึงตอนนี้เกมบุกของสเปนดูอึดอัดเหลือเกิน และในจังหวะต่อมา เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ จ่ายบอลตามช่องทะลุแผงกองหลังให้รอบเบน หลุดเข้าไปล่อเป้า กับการ์ซียาส แต่จังหวะนี้รอบเบนยิงไปโดนปลายเท้าขวาของการ์ซียาส บอลพุ่งหลุดเสาออกไปแบบเหลือเชื่อ!

65 นาทีผ่านฮอลแลนด์หาจังหวะตั้งเกมรุกเข้าใส่สเปนได้อย่างต่อเนื่อง และกองหลังสเปนเริ่มแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนในแนวรับบ้างแล้ว และในนาที ที่ 69 เป็นทาง นาบาส ได้จังหวะกระชากขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนที่จะเปิดเข้ากลางบอลเลยมาถึง บีย่า ยืนอยู่โล่งๆ ก่อนที่ บีย่าจะตัดสิ้นใจกดด้วยขวา แต่บอลพุ่งไปติดหน้าแข้งจอห์น ไฮติงก้า บอลลอยข้ามคานออกไป หวุดหวิด

ในนาทีที่ 70 ฮอลแลนด์เริ่มแก้เกมบ้างเปลี่ยนเอา เค้าท์ ออกและเอาปีกตัวจี๊ดอย่าง เอเลีย ลงมาเล่นแทน เพราะถึงตอนนี้กลายเป็นทางด้า่นทีมสเปนมีโอกาสสร้างเกมบุกได้ต่อเนื่องมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะ บีย่า ที่มีโอกาสยิงสองถึงสามครั้งติดแล้ว และในจังหวะต่อมาสเปนมาได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เปิดบอลเข้ามาโดย ซาบี และเป็นทางด้าน รามอส ขั้นโขกโล่งๆ บริเวณเขตโทษ แต่บอลกลับพุ่งเหินข้ามคานออกไป

80 นาทีผ่านถึงตอนนี้สเปนพับสนามบุกเข้าใส่ฮอลแลนด์ ชนิดที่เรียกว่า การ์ซียาส ยืนเหงาเลย แต่! อีกสองนาทีต่อมาฮอลแลนด์ได้จังหวะสวนกลับ จากการโยนยาวของ โจวานนี่ ฟาน บรองก์ฮอร์สท์ ให้รอบเบน ก่อนรอบเบนจะใช้สปีดวิ่งแซง ปูโยล แล้วหลุดเข้าเดี่ยวๆกับ การ์ซียาส แต่การ์ซียาสก็ยังทำหน้าทีได้ดีอยู่

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมของครึ่งหลัง รูปเกมกลับมาสู่สีกันอีกครั้ง โดยทางสเปนจะใช้การจ่ายบอลตามช่องเข้าใส่ แต่ทางด้านฮอลแลนด์ใช้การโยนยาว ใาการเจาะแนวรับของสเปน และเข้าสู่ในช่วงทดเจ็บก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ยังเสมอกันอยู่0ต่อ0 ต้องไปลุ้นในช่วงต่อเวลาพิเศษต่อไป

เริ่มมาในช่วง ทดเวลาพิเศษครึ่งแรก เป็นสเปนที่มีโอกาสได้ยิงก่อน จากฟาเบรกาสแต่ก็ยังติดขาของมาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก ออกไปอีกและหวะต่อมาอิเนียสต้าเลี้ยงบอลหลบแผงหลังหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ลูกนี้ยิงไปติดบล็อกของฮอลแลนด์ ออกไป และในจังหวะต่อมา ก็เป็นนาบาสได้ยิงอีกครั้ง แต่ยังติดบล็อกกองหลังของฮอลแลนด์ออกไปอีกครั้ง

และในนาทีที่ 103 ฟาเบรกาส ก็ได้จังหวะยิงจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่ก็ยังพุ่งหลุดออกหลังไปอีก ถึงตอนนี้สเปนสร้างเกมบุกได้ต่อเนื่อง และมีโอกาสยิงประตูทุกครั้งที่บุกขึ้นมา และก็หมดเวลาครึ่งแรกของช่วงต่อเวลาพิเศษ ยังเสมอกันอยู่ 0ต่อ0

เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง สเปนก็ยังเดินหน้าบุกใส่สเปนอย่างต่อเนื่อง และทางด้านสเปนก็เปลี่ยนเอส บีย่า ออกแล้วเอา ตอเรส ลงมาเล่นแทน ถึงตอนนี้ทำให้บีย่าหมดโอกาสยิงประตูเพิ่มในฟุตบอลโลกแล้ว
และในนาที 109 ฮอลแลนด์ก็ต้องมาเหลือ10คน จากจังหวะที่ีจอห์น ไฮติงก้าไปดึง อันเดรส อิเนียสต้า ล้มลงหน้ากรอบเขตโทษ โดนใบเหลืองที่สองกลายเป็ยใบแดง ไล่ออกจากสนามออกไป แล้วทางฮอลแลนด์ ก็ถอนเอา ฟาน บอมเมล ไปยืนเป็นเซนเตอร์แทน

ตอนนี้ฮอลแลนด์ก็ลงไปตั้งเกมรับอยู่หน้าเขตโทาของตัวเองกันหมดแล้ว และรอการใช้จังหวะสวนกลับในการบุกใส่สเปนเท่านั้น และในนาทีที่ 116 สเปนก็มาได้ประตูขึ้นนำ จากการจ่ายอย่างงามของฟาเบนกาส ไปให้ อันเดรส อิเนียสต้า ยิงจ่อๆ สเปนขึ้นนำฮอลแลนด์1ต่อ0 และเหลือเวลา อีกเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้น และฮอลแลนด์ก็ทำประตูตีเสมอไม่ได้ จบ120นาที สเปนเอาชนะฮอลแลนด์ไปได้ 1ต่อ0 สเปนเป็นแชมป์โลก!

รายชื่อนักเตะ 11 ตัวจริง ทั้งสองทีม

ฮอลแลนด์

ผู้รักษาประตู : มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก

ผู้เล่น : จอห์น ไฮติงก้า, โจวานนี่ ฟาน บรองก์ฮอร์สท์(กัปตัน), เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, ยอริส มาไธจ์เซ่น, มาร์ค ฟาน บอมเมล, ไนเจล เดอ ยอง, เวสลีย์ สไนจ์เดอร์, เดิร์ค เคาท์, อาร์เยน ร็อบเบน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

สเปน

ผู้รักษาประตู : อีเกร์ กาซียาส(กัปตัน)

ผู้เล่น : เคราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูโยล, โจน กัปเดบีล่า, เซร์คิโอ รามอส, อันเดรส อิเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เปโดร โรดริเกซ, ดาบิด บีย่า

ที่มา http://sport.mthai.com/worldcup2010-football/36520.html

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผลบอล : หัตถ์เทพซัวเรซพาจอมโหดเข้า4ทีม หลังเจ๊า1-1ดวลเป้านำชัย

ผลบอล : หัตถ์เทพซัวเรซพาจอมโหดเข้า4ทีม หลังเจ๊า1-1ดวลเป้านำชัย ทีมดาวดำ กาน่าลุ้นทำประวัติศาสตร์เป็นทีมจากแอฟริกาทีมแรกที่เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย ส่วนอุรุกวัยแนวรุกมีตัวอันตรายลงกันครบทั้งหลุยส์ ซัวเรซ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน และเอดิสัน คาวานี่

เปิดเกมทั้งคู่ยังดูเชิงกันอยู่ จน น.10 ซัวเรสได้บอลอยู่มุมธงด้านซ้าย ก่อนล็อคหลบกองหลังกาน่าเข้ากลางและยิงด้วยขวา บอลพุ่งเข้ามือผู้รักษาประตู คิงสันเซฟไว้ได้

เป็นอุรุกวัยที่เริ่มครองเกมได้ดีกว่าอย่างชัดเจน น.17 จากลูกเตะมุมของฟอร์ลัน บอลไปโดนหน้าอกของเมนซาห์แฉลบเปลี่ยนทาง ลูกทำท่าจะเข้าประตูแต่คิงสันยังทุบบอลทิ้งออกไปได้

น. 24 ฟอร์ลันที่เล่นได้ดีและยังคงวูบวาบในแนวรุกได้ยิงไกลด้วยขวา บอลลอยข้ามคานออกไป จังหวะต่อมากองหลังของกาน่าเข้าสกัดบอลกันพลาด ซัวเรซได้หลุดเข้าไปยิงในเส้น 18 หลา คิงสันยังปัดข้ามคานออกไปได้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเป็นกาน่าที่ได้มีโอกาสจังๆ บ้าง จากลูกเตะมุม วอร์ซาห์ได้ขึ้นโหม่งเหน่งๆ บอลลอยเฉี่ยวเสาออกไป ไม่กี่นาทีต่อมา กาน่าได้โอกาสโต้กลับสวยๆ บอลขึ้นมาทางกราบขวา ปริ๊นซ์ บัวเต็ง ใช้ความเร็วกระชากไปริมเส้น ก่อนผ่านให้กียานได้แปแหน่งๆ ในกรอบเขตโทษ บอลเฉี่ยวเสาออกไปอีก

กาน่ามาแรงเอาช่วงปลาย เมนซาห์ได้ขึ้นโหม่งตั้งในกรอบเขตโทษ บอลวิ่งไปทางเสาสองแต่ไม่มีผู้เล่นของกาน่าเข้ามาชาร์จ บอลไหลออกหลังไป กาน่าบุกมาเป็นชุดเหมือนกัน ช่วง 2 นาทีสุดท้ายกียานได้ยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลเบาเกินไป มุสเลรายังเซฟไวได้

กาน่ายังมาเป็นชุดๆ ปริ๊นซ์ บัวเต็งได้ยิงจักรยานอากาศหน้าปากประตู แต่โดนไม่ดีบอลลอยข้ามคานไปแบบได้ลุ้น

ช่วงทดเจ็บ กาน่าขึ้นนำสุดช็อค มุนตารี่ ซัดไกลนอกกรอบเขตโทษเกือบ 40 หลา บอลพุ่งอย่างกับจรวดก่อนเลี้ยวหนีมือมุสเลราเข้าประตูไป หมดครึ่งแรกกาน่านำ 1-0

เริ่มครึ่งหลัง เป็นอุรุกวัยที่ตีเสมอได้ทันใจใน น.55 ฟอร์ลันยิงฟรีคิกบริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ฟอร์ลันยิงอัดเข้าไปแบบเต็มข้อ บอลฮุกหนีมือผู้รักษาประตู เสียบคานเข้าไปแบบสุดสวย อุรุกวัยตีเสมอ 1-1

น.55 กียานได้ยิงไกลลอดขากองหลุงอุรุกวัย มุสเลราปัดบอลออกมา ผู้เล่นกาน่าจะเข้าซ้ำแต่กองหลังอุรุกวัยเคลียร์ทิ้งออกไปได้ทัน
คิงสันพลาดเสียสมาธิอย่างรุนแรง จากจังหวะที่ไม่น่ามีอะไรบอลไหลช้าๆ กลับมาที่ผู้รักษาประตู คิงสันจะเอาเท้าจับจับบอล แต่บอลไหลลอดหว่างขาออกหลังไปเฉย ดีที่คิงสันไม่ยืนกลางประตูไม่งั้นบอลเข้าประตูไปแบบทุเรศแล้ว

น.63 ฟอร์ลันพาบอลไปสุดเส้นหลังก่อนผ่านโด่งเข้ากลาง บอลลอยข้ามหัวคิงสัน ซัวเรซวิ่งเข้ามาชาร์จที่เสาสอง บอลเข้าข้างตาข่ายไป อุรุกวัยน่าขึ้นนำสุดๆ ในจังหวะนี้

เริ่มชัดเจนว่าอุรุกวัยกลับมาครองเกมดีกว่า อุรุกวัยทำเกมด้วยลูกชิ่งจากกรอบเขตโทษด้านซ้าย จังหวะสุดท้ายเป็นซัวเรซที่ได้ยิงมุมแคบ แต่ตรงตัวคิงสันที่ปัดข้ามคานออกไปได้

ทั้งสองทีมได้ยิงไกลกันคนละที กียานได้ยิงไกลแต่เข้าซองผู้รักษาประตู ส่วนอุรุกวัยได้ฟรีคิกระยะไกล ฟอร์ลันยิงอีก แต่บอลเข้าข้างตาข่ายไป
น.78 จากฟรีคิกของฟอร์ลัน ซัวเรซได้โฉบเข้ามาก้มโหม่งบอลพุ่งทำท่าจะเสียบเสาอยู่แล้ว ดีที่คิงสันยังไวพุ่งปัดออกไปได้ จังหวะต่อมาอุรุกวัยโต้กลับขึ้นมาเป็นแผง ฟูซิเล่ที่พาบอลมาไม่ยอมจ่ายให้เพื่อนที่ทำทางกันขึ้นมา แต่ตั้งป้อมยิงไกลเองบอลลอยข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น

ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมเล่นเกร็งๆ กันทั้งคู่ จังหวะเข้าทำยังขาดๆ เกินๆ แม้ว่าอุรุกวัยจะพยายามโหมบุกเข้าใส่เพราะไม่อยากเสมอ แต่จบสกอร์ไม่ขาด หมด 90 นาทีเสมอกันไป 0-0 ต้องต่อเวลาออกไปอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาครึ่งแรกทั้งสองทีมยังไม่มีจังหวะยิงกันจะๆ เพราะทำบอลสุดท้ายเสียกันป็นส่วนใหญ่ บอลมาดราม่าในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง จากลูกเตะมุม กาน่าโถมบุกอย่างหนัก กองหลังอุรุกวัยเคลียร์กันไม่ขาด กาน่าได้ซัดเหน่งๆ ในกรอบเขตโทษแต่ซัวเรซลงไปช่วยเซฟจากเส้นได้ ก่อนที่จังหวะสุดท้ายอดิยาห์จะโหม่งระยะเผาขนบอลทำท่าจะลอยเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ก็เป็นซัวเรซที่จำใจต้องกระโดดเอามือปัดบอลทิ้งไปจากเส้นประตู กรรมการชักใบแดงไล่ซัวเรซออกทันที กาน่าได้จุดโทษที่จะพาพวกเขาเข้ารอบ 4 ทีมได้สำเร็จ แต่อนิจจังกียานดันยิงจุดโทษไปโดนคานเต็มๆ ความฝันของกาน่าสลาย ต้องไปลุ้นต่อในการยิงจุดโทษ
ช่วงยิงจุดโทษ อุรุกวัยได้ยิงก่อน ลูกแรกฟอร์ลันซัดเข้าไปแบบนิ่งๆ ก่อนที่กียานจะปาดน้ำตายิงตีเสมอในกาน่า คนที่สองของทั้งสองทีมไม่พลาด ส่วนคนที่สามของอุรุกวัยก็ยังไม่พลาด ก่อนที่เมนซาห์คกัปตันทีมกาน่าซึ่งเป็นคนที่สามจะยิงไปโดนเซฟ คนที่สี่ของอุรุกวัยเปไรร่ายิงข้ามคานไป สถานการณ์มาพลิกอีกเมื่อคนที่สี่ของกาน่าอดิยาห์ยิงไปโดนมุสเลราเซฟอีก ทำให้คนสุดท้ายของอุรุกวัยถ้ายิงเข้าชนะเลย และเป็นอบิรวที่สังหารไม่พลาด อุรุกวัยชนะจุดโทษกาน่า 4-2 ทะลุเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไป ส่วนทีมจากแอฟริกาตกรอบหมด

11 ตัวจริงทั้งสองทีม

อุรุกวัย : เฟอร์นันโด มุสเลรา, แม็กซิมิเลียโน เปเรรา, ดีเอโก ลูกาโน, เมาริซิโอ วิคตอริโน, ฮอร์เก ฟูซิเล, ดีเอโก เปเรซ, เอกิดิโอ อเรวาโล, อัลวาโร เฟอร์นันเดซ, เอดินสัน คาวานี, ดีเอโก ฟอร์ลัน, หลุยส์ ซัวเรซ

กานา : ริชาร์ด คิงสัน, จอห์น เมนซาห์, ไอแซค วอร์ซาห์, จอห์น พันท์ซิล, ฮันส์ ซาร์เป, ซามูเอล อิงคูม, เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง, อันโธนี อันนัน, ควัดโว อซามัวห์, ซุลลีย์ มุนตารี, อซามัวห์ กีอัน

ข่าวฟุตบอลโลก 2010
ที่มา http://sport.mthai.com/worldcup2010-football/35265.html

รายการบล็อกของฉัน