วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

“ไก่” หลังโหว่ “ปืน” ทะลวงใส้แตก “สิงห์” น่าแค่เจ๊า “บลูส์”

บิ๊กแมตช์ที่แฟนบอลพลาดไม่ได้ในวันเสาร์นี้ก็คือ “นอร์ท ลอนดอน ดาร์บี แมตช์” ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง อาร์เซนอล กับ สเปอร์ ซึ่งไฮไลต์สำคัญคือการวัดกันตัวต่อตัวของศิษย์เก่า เซาแธมป์ตัน อย่าง ธีโอ วัลคอตต์ และ แกเร็ธ เบล แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เจอเกมยากกับ วีแกน แม้อาจจะได้ เวย์น รูนีย์ กลับมาสู่ทีม ขณะที่ เชลซี มีปัญหานักเตะเจ็บเพียบ ต้องลุ้นเอาตัวรอดกลับจาก เบอร์มิงแฮม และ ลิเวอร์พูล แม้ได้เล่นในแอนฟิลด์ แต่เจอ เวสต์แฮม ที่กำลังหนีตาย จึงไม่ง่ายแน่ ซึ่งความน่าจะเป็นของเกมเหล่านี้ รวมถึงเกมอื่น ๆ จะเป็นยังไง เราไปปรีวิวกันครับ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
อาร์เซนอล (2) - สเปอร์ (7)
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
เวลา : 19.45 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 1 (101)
อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ยังไม่มี โลร็องต์ กอสเซียลนี กองหลัง ที่ติดโทษแบน ขณะที่ โธมัส เวอร์มาเลน ยังไม่หายเจ็บยาว แต่มีลุ้นได้ อาบู ดิยาร์รา กลับมาประจำแดนกลาง และ แจค วิลเชียร์ ก็น่าจะสลัดเดี้ยงลงเล่นได้ ส่วนที่เหลือไม่มีปัญหานักเตะเจ็บเพิ่มให้ เวนเกอร์ ปวดหัว และเตรียมใช้นักเตะชุดใหญ่ลุยใส่คู่แค้นร่วมลอนดอนตอนเหมือนเต็มที่ โดยตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า มารูยาน ชามัค น่าจะได้โอกาสก่อน โรบิน ฟาน เพอร์ซี หลังฟอร์มดีในช่วงหลัง แม้ ฟาน เพอร์ซี กลับมาฟิตแล้วก็ตาม
แฮร์รี เรดแนปป์ ผู้จัดการทีม “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ มีนักเตะเจ็บยาวเป็นหางว่าว โดยล่าสุด ทอม ฮัดเดิลสตัน ต้องผ่าข้อเท้า และพักถึง 3 เดือน ส่วน โจนาธาน วูดเกต, เจมี โอฮารา, ไมเคิล ดอว์สัน, ร็อบบี คีน, โจวานนี ดอส ซานโตส และ อารอน เลนอน ก็ยังเจ็บทั้งหมด ขณะที่ เจอร์เมน เดโฟ กลับมาซ้อมได้แล้ว แต่ยังไม่น่าจะพร้อม เช่นเดียวกับ เลดลีย์ คิง ที่ยังเจ็บ แต่แนวรุกยังมี ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท และ แกเร็ธ เบล เป็นทีเด็ด
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อาร์เซนอล (4-5-1) : ลูคัส ฟาเบียนสกี, บาการี ซานญา, โยฮัน ฌูรู, เซบาสเตียน สกิลลาชี, กาแอล กลิชี, อเล็กซ์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, แจค วิลเชียร์, ซามีร์ นาสรี, ธีโอ วัลคอตต์, มารูยาน ชามัค
สเปอร์ : (4-5-1) : เอเรลโญ โกเมส, อลัน ฮัตตัน, ยูเนส กาบูล, วิลเลียม กัลลาส, เบอร์นัวต์ อัสซู เอกอตโต, เจอร์เมน จีนาส, ลูกา โมดริช, วิลสัน ปาลาซิออส, แกเร็ธ เบล, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, ปีเตอร์ เคราช์
ความน่าจะเป็นของเกม : เป็นเกมนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี แมตช์ ที่มีความหมายอย่างมาก ทั้งในเรื่องของศักดิ์ศรี และการลุ้นทำอันดับ โดยถ้าหาก อาร์เซนอล ชนะมีโอกาสแซง เชลซี ขึ้นไปนั่งจ่าฝูงอย่างน้อย 2 ชั่วโมง แต่ถ้าหาก สเปอร์ ชนะ จะทำแต้มจี้ติดเดอะ กันเนอร์ส 4 คะแนน ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องลุยกันเต็มที่ และเนื่องด้วยธรรมชาติของกุนซือของทั้ง 2 ทีม ที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก ทำให้น่าจะมีสกอร์ไหลมาเทมา แต่ดูแล้ว เกมรับ สเปอร์ ยังไว้ใจไม่ได้ พร้อมเสียประตูได้ตลอดเวลา ประกอบกับ อาร์เซนอล ได้เปรียบที่ได้เล่นในบ้าน จึงมีโอกาสคว้าชัยชนะสูงกว่า แต่เกมนี้อยากให้จับตาดูการปะทะกันของ แกเร็ธ เบล และ ธีโอ วัลคอตต์ อดีตคู่ซี้ที่ เซาแธมป์ตัน รวมถึงการห้ำหั่นกันของบรรดาจอมเทคนิคของทั้ง 2 ทีมอย่าง เชส ฟาเบรกาส และ ซามีร์ นาสรี ของเจ้าถิ่น และ ลูกา โมดริช กับ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ของทีมเยือนด้วย
ผลที่คาด : อาร์เซนอล ชนะ 3-1
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เบอร์มิงแฮม (18) - เชลซี (1)
สนาม : เซนต์ แอนดรูว์
เวลา : 22.00 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 3 (103)
อเล็กซ์ แม็คลีช บอสใหญ่ “เดอะ บลูส์” เบอร์มิงแฮม ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติม โดยมีเพียง ไมค์ เทย์เลอร์ และ เจมส์ แม็คฟาดเดน ที่ยังไม่พร้อม โดยคาดว่า แม็คลีช จะยังยึดผู้เล่นชุดเดิมเป็นหลัก เพราะเป็นกุนซือที่ไม่เปลี่ยนทีมมากนัก แต่ในแดนหน้านั้น อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ มีสิทธิจะสอดแทรกเป็นตัวจริง
คาร์โล อันเชลอตติ ผู้จัดการทีม “สิงห์สำอาง” เชลซี มีปัญหาในการจัดทัพอย่างหนัก โดยเฉพาะในแผงหลัง เมื่อนักเตะพากันเดี้ยงยกแผง โดย อเล็กซ์ ต้องผ่าเข่า ทำให้พักอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ส่วน จอห์น เทอร์รี ก็ยังไม่ชัวร์ เพราะเจ็บขาขวา ทำให้ถ้าหาก “กัปตันเจที” ไม่พร้อม อาจจะต้องดัน เปาโล แฟร์ไรรา เข้ามายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอีกครั้ง นอกจากนั้น บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ก็จะโดนใบในนัดหน้าด้วย ถ้าหากเกมนี้โดนใบเหลือง ยังดีที่ แอชลีย์ โคล สลัดเดี้ยงลงเล่นได้ ส่วนแดนกลางก็ยังมีปัญหาเช่นกัน เมื่อจะยังไม่มี มิชาเอล เอสเซียง มิดฟิลด์คนสำคัญ ที่ติดโทษแบน และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็เจ็บซ้ำ ยังต้องพักอีกราว 1 สัปดาห์ ส่วน ยอสซี เบนายูน ยังเจ็บ
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบอร์มิงแฮม (4-4-2) : เบน ฟอสเตอร์, สตีเฟน คาร์, โรเจอร์ จอห์นสัน, สกอตต์ แดนน์, เลียม ริดจ์เวลล์, แบร์รี เฟอร์กูสัน, คีธ ฟา เฮย์, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, เคร็ก การ์ดเนอร์, นิโกลา ซิกิช, คาเมอรอน เจอโรม
เชลซี (4-3-3) : ปีเตอร์ เช็ก, โฮเซ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, เปาโล แฟร์ไรรา, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, รามิเรส, ยูริ ซีร์คอฟ, ฟลอร็องต์ มาลูดา, นิโกลาส์ อเนลกา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
ความน่าจะเป็นของเกม : เกมนัดก่อนที่แพ้ ซันเดอร์แลนด์ คาบ้าน เชลซี มีปัญหาเยอะมาก เมื่อขาดกองหลังตัวหลักอย่าง เทอร์รี และ อเล็กซ์ รวมถึงมิดฟิลด์อย่าง มิชาเอล เอสเซียง ที่สำคัญเกมนี้ ยังไม่น่าจะมีใครที่สามารถกลับมาช่วยทีมได้ด้วย อันเชลอตติ จึงจะต้องพบงานหนัก สุด ๆ อีกครั้งแน่นอน อีกทั้ง เบอร์มิงแฮม เป็นทีมที่เหนียวแน่นในบ้าน แม้ปีนี้ผลงานจะตกลงไป แต่ช่วงหลังเริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เต็มที่ เชลซี น่าจะทำได้แค่บุกมาแบ่งแต้มเท่านั้น
ผลที่คาด : เสมอกัน 1-1
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แบล็กพูล (15) - วูล์ฟส์ (19)
สนาม : บลูมฟิลด์ โรด
เวลา : 22.00 น.
เอียน ฮอลโลเวย์ กุนซืออารมณ์ดีของ “เดอะ ซีไซด์เดอร์ส” แบล็กพูล เจอปัญหาใหญ่ เมื่อ ชาร์ลี อดัม มิดฟิลด์กัปตันทีมคนเก่ง ได้รับบาดเจ็บจากเกมทีมชาติ ทำให้ยังไม่แน่ว่าจะลงเล่นได้หรือไม่ โดยจะต้องเช็กความฟิตก่อนเกมอีกครั้ง นอกจากนั้น แมทธิว จิลค์ส โกลคนเก่ง ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนด้วย แต่คาดว่าน่าจะลงเฝ้าเสาได้ ส่วนตัวเจ็บคนอื่น ๆ ก็ยังเหมือนเดิม คือ เดเคล คีแนน, เคร็ก คาธคาร์ท, อเล็กซ์ บาปติสตา และ บิลลี คลาร์ค
มิค แม็คคาร์ธี ผู้จัดการทีม “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน ต้องเช็กอาการของ สตีเฟน วอร์ด กองหลัง ที่เจ็บขา ขณะที่ เดวิด เอดเวิร์ดส์ ก็ไม่แน่ เพราะเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา แต่ ไมเคิล ไคท์ลีย์ และ อัดเลเน ดูดิอูรา ไม่พร้อมแน่นอน เพราะยังเจ็บยาว ส่วน เควิน ดอยล์ มีอาการกระดูกมือแตก แต่น่าจะลงล่าตาข่ายได้
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แบล็กพูล (4-5-1) : แมทธิว จิลค์ส, เอียน อีแวตต์, เดวิด คาร์นีย์, สตีเฟน เครนีย์, นีล อาร์ดลีย์, เดวิด วอห์น, ชาร์ลี อดัม, แกรี เทย์เลอร์ เฟลทเชอร์, ลุค วาร์นีย์, เอลเลียต แกรนแดง, ดีเจ แคมป์เบลล์
วูล์ฟส์ (4-4-2) : มาร์คัส ฮาห์นีมันน์, เควิน โฟลีย์, จอร์จ เอโลโคบี, สตีเวน มูโยโคโล, ริชาร์ด สเตียร์แมน, สตีเฟน ฮันท์, แมทธิว จาร์วิส, คาร์ล เฮนรี, เนนาด มิลิยาส, เควิน ดอยล์, ซิลแวง อีแบงค์ส เบลค
ความน่าจะเป็นของเกม : แบล็กพูล เป็นทีมที่เน้นทีมเวิร์ก และมีผลงานในบ้านค่อนข้างดี ขณะที่ วูล์ฟส์ เน้นเหนียวแน่นแล้วหาจังหวะฉาบฉวยจากบรรดาตัวจี๊ดเข้าทำ ทำให้เกมนี้ ทีมหมาป่าน่าจะตั้งรับแล้วรอสวนกลับ ขณะที่ แบล็กพูล คงเปิดเกมรุกเข้าใส่เอาใจแฟนบอลเหมือนเดิม ซึ่งดูแล้วเจ้าถิ่นมีโอกาสชนะมากกว่า และไม่น่าจะแย่ถึงกับแพ้ด้วย
ผลที่คาด : แบล็กพูล ชนะ 2-1
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
โบลตัน (5) - นิวคาสเซิล (8)
สนาม : รีบอค สเตเดี้ยม
เวลา : 22.00 น.
โอเวน คอยล์ ผู้จัดการทีม “เดอะ ทรอตเตอร์ส” โบลตัน ที่กำลังบินสูงอยู่ในเวลานี้ มีปัญหานักเตะเจ็บแค่คนเดิม ๆ คือ ริคาร์โด การ์ดเนอร์, เจลอยด์ ซามูเอล, ฌอน เดวิส และ โจอี โอไบรอัน ส่วนที่เหลือพร้อมเป็นตัวเลือกทั้งหมด และยังจะได้ เกรตาร์ สไตน์สสัน แบ๊กขวาตัวจริงพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมด้วย โดย คอยล์ น่าจะยึดชุดเก่งตัวเดิมลงเล่นต่อไป โดยมี เควิน เดวีส์ และ โยฮัน เอลมานเดอร์ เป็นทีเด็ดในแดนหน้า
คริส ฮิวจ์ตัน กุนซือ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล เจอปัญหาใหญ่ เมื่อ ไรอัน เทย์เลอร์ ได้รับบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้าระหว่างการซ้อม ทำให้จะต้องพักถึงราว 3 เดือน ขณะที่ โชลา อเมโอบี, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา, สตีฟ ฮาร์เปอร์ และ แดน กอสลิง ก็ยังเจ็บยาวทั้งหมด ส่วน แอนดี คาร์โรลล์ กองหน้าตัวใหม่ของทีมชาติอังกฤษ มีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้ต้องเช็กความฟิตก่อนเกม แต่ สตีเวน เทย์เลอร์ กองหลังกัปตันทีม ฟิตเต็มที่แล้ว มีลุ้นกลับมาเป็นตัวจริง
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โบลตัน (4-4-2) : ยุสซี ยัสเคไลเนน, พอล โรบินสัน, แซต ไนท์, แกรี เคฮิลล์, เกรตาร์ สไตน์สสัน, แมทธิว เทย์เลอร์, ฟาบริซ มูวัมบา, สจวร์ต โฮลเดน, ลี ชอง ยอง, เควิน เดวีส์, โยฮัน เอลมานเดอร์
นิวคาสเซิล (4-5-1) : ทิม ครูล, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, ไมค์ วิล เลียมสัน, แดนนี ซิมป์สัน, โฆเซ เอ็นริเก, เควิน โนแลน, ชีค ติโอเต, แดนนี กัธรี, โฮนาส กูเตียร์เรซ, เวย์น เราท์เลดจ์, แอนดี คาร์โรลล์, ปีเตอร์
ความน่าจะเป็นของเกม : โบลตัน ทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาเหลือเชื่อ และกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี ทุกคนในทีมจึงกำลังมั่นใจ ขณะที่ นิวคาสเซิล ดีกับแย่สลับกันไป ยังเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ เกมนี้จึงคาดเดาค่อนข้างยาก และออกได้ทุกหน้าเลยทีเดียว แต่ โบลตัน ได้เล่นในบ้าน และกำลังบินสูงยังไงก็มีโอกาสชนะมากกว่า
ผลที่คาด : โบลตัน ชนะ 2-1
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แมนฯ ยูไนเต็ด (3) - วีแกน (17)
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เวลา : 22.00 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 1 (101)
“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะได้ เวย์น รูนีย์ กองหน้าตัวเก่ง กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง หลังกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว แต่ยังต้องวัดใจ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าจะส่งเป็นตัวจริงทันทีหรือไม่ ส่วนตัวเจ็บยังมีอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ราฟาเอล, โอเวน ฮาร์กรีฟส์, อันแดร์สัน, ไมเคิล โอเวน และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย แต่ ไรอัน กิกส์ น่าจะพร้อมกลับมาลงสนาม และยังจะได้ พอล สโคลส์ พ้นโทษแบน กลับมาบงการเกมได้ด้วย แต่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ มีสิทธิหลุดเป็นสำรอง หลังฟอร์มบู่อีกครั้ง ทำให้ ฮาเวียร์ “ชิชาริโต” เฮอร์นานเดซ และ เฟเดริโก มาเคดา ต้องแย่งตำแหน่งตัวจริง
โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือ “เดอะ ลาติกส์” วีแกน ไม่มีปัญหานักเตะเจ็บเพิ่ม โดยมีเพียง เอเมอร์สัน บอยซ์ และ เจมส์ แม็คคาร์ธี ที่ยังเจ็บยาว ส่วนตัวอื่นพร้อมลงเล่นทั้งหมด โดย วิคเตอร์ โมเสส มีโอกาสสอดแทรกเป็นตัวจริง หลังฟอร์มดีใน 2 เกมหลัง
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-4-2) : เอดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, ไมเคิล คาร์ริค, พอล สโคลส์, นานี, เวย์น รูนีย์, ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ
วีแกน (4-5-1) : อาลี อัล ฮับซี, แกรี คัลด์เวลล์, อันโตลิน อัลคาราซ, สตีฟ โกอูรี, รอนนี สตัม, โมฮาเหม็ด เดียเม, ทอม เคลฟเวอร์ลีย์, ชาร์ลส์ เอ็นซอกเบีย, ฆอร์ดี โกเมซ, วิคเตอร์ โมเสส, ฮูโก โรดาเยกา
ความน่าจะเป็นของเกม : วีแกน เป็นทีมหนึ่งที่คาดเดาลำบากที่สุดในโลก เพราะบทจะดีก็ดีใจหาย แต่บทจะร้ายก็ไม่เอามันซะงั้น แต่ผลงานของเดอะ ลาติกส์ ในช่วงหลัง อยู่ในช่วงขาขึ้น แมนฯ ยูไนเต็ด จึงอาจจะเจอปัญหาบ้างเหมือนกัน อย่างไรก็ดี ทีมผีแดงเล่นในบ้าน โอกาสแพ้ หรือแม้แต่เสมอน้อยมาก แถมนี่คือโอกาสอันดีที่จะทำแต้มจี้ เชลซี เฟอร์กี และลูกทีมจึงไม่พลาดเก็บ 3 คะแนนแน่นอน และถ้าหากได้เร็ว ๆ เป็นไปได้ที่สกอร์อาจจะไหล
ผลที่คาด : แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 2-0
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เวสต์บรอม (12) - สโตค (10)
สนาม : เดอะ ฮอว์ธอร์นส์
เวลา : 22.00 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 2 (102)
โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ยอดกุนซือหนุ่มของ “เดอะ แบกกีส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบียน แทบจะไม่มีปัญหานักเตะตัวหลักบาดเจ็บ โดยมีเพียง โยนาส โอลส์สัน ที่เจ็บ และลงไม่ได้แน่นอน แต่มีลุ้นจะได้ อิสมาเอล มิลเลอร์ กองหน้าร่างใหญ่ กลับมาล่าตาข่ายอีกครั้ง และ กอนซาโล ยารา ยังติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย
โทนี พูลิส บิ๊กบอส “ช่างปั้นหม้อ” สโตค ที่นัดก่อนเพิ่งโค่น ลิเวอร์พูล มีนักเตะเจ็บแค่คนเดียวคือ มามาดี ซิดิเบ กองหน้า ที่เอ็นร้อยหวายขาด จนต้องพักยาว แต่ที่เหลือพร้อมลงสนามได้หมด และ พูลิส จะยังยึดผู้เล่นตัวหลักชุดเดิมลงเล่นต่อไป และน่าจะจัดกองหน้าลงสนามพร้อมกัน 2 คนคือ ริคาร์โด ฟูลเลอร์ และ เคนวิน โจนส์ เหมือนเดิม
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เวสต์บรอม (4-5-1) : สกอตต์ คาร์สัน, นิคกี ชอรีย์, พอล ชาร์เนอร์, กาเบรียล ทามาส, ปาโบล อิบานเยซ, สตีเวน รีด, เจอโรม โธมัส, คริส บรันท์, เจมส์ มอร์ริสัน, ยุสซุฟ มูลุมบู, ปีเตอร์ โอเดมวินกี
สโตค (4-4-2) : แอชเมียร์ เบโกวิช, แอนดี วิลกินสัน, โรเบิร์ต ฮูธ, แดนนี คอลลินส์, ไรอัน ชอว์ครอสส์, รอรี ดีแลป, แมทธิว เอเธอริง ตัน, ดีน ไวท์เฮด, เจอร์เมน เพนแนนท์, ริคาร์โด ฟูลเลอร์, เคนวิน โจนส์
ความน่าจะเป็นของเกม : น่าจะเป็นอีกเกมที่มันทีเดียว เพราะ เวสต์บรอมฯ ทำผลงานค่อนข้างดีในปีนี้ ขณะที่ สโตค กำลังมั่นใจ เพราะเพิ่งชนะ ลิเวอร์พูล แต่ถามว่าทีมใดมีโอกาสชนะมากกว่ากัน ต้องบอกว่าตอบยากจริง ๆ และเป็นไปได้ทุกหน้า เพราะทั้ง 2 ทีมยังยืนระยะยาว ๆ ไม่ได้ เกมนี้จึงเป็นอีกเกมที่อาจจะจบด้วยการแบ่งแต้ม
ผลที่คาด : เสมอกัน 1-1
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
ลิเวอร์พูล (11) - เวสต์แฮม (20)
สนาม : แอนฟิลด์
เวลา : 00.30 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 3 (103)
รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต้องลุ้นความฟิตของ เฟอร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าคนเก่ง ที่เจ็บจากเกมที่แล้ว ขณะที่ ลูคัส เลวา มิดฟิลด์บราซิล ติดโทษแบน แต่ตัวเจ็บที่เหลือยังมีแค่ แบรด โจนส์ กับ ดาเนียล แอกเกอร์ และมีลุ้นได้ โจ โคล สลัดเดี้ยงกลับมากระชาก ได้อีกครั้ง ส่วนตัวอื่นก็น่าจะยึดชุดเดิมโดยเปลี่ยนแค่ คริสเตียน โพลเซน ที่จะลงมาแทน ลูคัส
อัฟราม แกรนท์ กุนซือยิวของ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยังมีนักเตะเจ็บหลายคน โดย มาร์ค โนเบิล เดี้ยงจากเกมที่แล้ว ทำให้ไม่น่าจะได้ลง ขณะที่ โธมัส ฮิตเซิลสแปร์สเกอร์, ซาวอน ไฮนส์ และ แจค คอลลิสัน ยังไม่พร้อมทั้งหมด แต่อาจจะได้ ทาล เบน ฮาอิม หายเจ็บข้อเท้า กลับมาลงเล่นอีกครั้ง ส่วนตัวอื่นยังยึดชุดเดิม โดยวาง เฟเดริก ปิกิยอน เป็นตัวเป้า
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-4-2) : เปเป เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โซติริออส คีร์เกียกอส, พอล คอนเชสกี, สตีเวน เจอร์ราร์ด, คริสเตียน โพลเซน, มักซี โรดริเกซ, ราอูล ไมเรเลส, เดิร์ค เคาต์, เฟอร์นานโด ตอร์เรส
เวสต์แฮม (4-4-2) : โรเบิร์ต กรีน, แมทธิว อัพสัน, แดนนี แกบ บิดอน, ลาร์ส จาค็อบเซน, เฮริตา อิลุงกา, คีรอน ดายเออร์, หลุยส์ บัวมอร์ต, ปาโบล บาร์เรรา, สกอตต์ ปาร์คเกอร์, วิคเตอร์ โอบินนา, เฟเดริก ปิกิยอน
ความน่าจะเป็นของเกม : ลิเวอร์พูล กลับมาทำผลงานห่วยอีกครั้ง และหวังพึ่งแค่ ตอร์เรส กับ เจอร์ราร์ด ทำให้คู่แข่งจับทางได้หมด แต่ เวสต์แฮม ถึงแม้รูปเกมโดยรวมจะเล่นได้ดี และมีหลายเกมที่ทำสกอร์ออกนำคู่แข่งไปก่อน แต่สุดท้ายตกม้าตายทุกที เพราะความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแนวรับ เกมนี้จึงน่าจะเกิดสกอร์เยอะ และด้วยชื่อชั้นผู้เล่น ประกอบกับสถานการณ์ของทีมที่พลาดไม่ได้อีกแล้ว ทำให้ ลิเวอร์พูล น่าจะมีโอกาสเป็นผู้ชนะมากกว่า
ผลที่คาด : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-1
ที่มา เดลินิวส์

รายการบล็อกของฉัน