วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ย้อนรอย : ฟุตบอลโลก เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น2002 แซมบ้าครองโลกในยุค3อาร์

ย้อนรอย : ฟุตบอลโลก เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น2002 แซมบ้าครองโลกในยุค3อาร์ ยุคบราซิลครองโลก เมื่อซิวแชมป์สมัยที่5 ไปได้ ก่อนที่เทศกาลฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ จะระเบิดศึกขึ้นมา วันนี้ พวกเราเหล่าคอลูกหนัง มาร่วมกันย้อนรอยดูจุดกำเนิดของศึก เวิล์ด คัพ ตั้งแต่ ครั้งแรก – ปัจจุบัน เป็นการอุ่นเครื่องกันก่อนเลย

ศึกฟุตบอลโลก 2002 เป็นอีกครั้งที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ เมื่อเป็นหนแรกบนแผ่นดินเอเชียที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และยังเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการลูกหนังของมหาชนชาวเอเซียอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม เวิลด์ คัพ 2002 เต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจ และ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน นับตั้งแต่นัดเปิดสนามไปจนนัดชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายยังเป็น 2 ยักษ์ใหญ่หน้าเดิมๆ อย่างเยอรมัน และ บราซิล ที่ได้ดวลแข้งแย่งแชมป์โลก ก่อนที่ทีมดังจากอเมริกาใต้ ในยุค “3 อาร์” ที่มี โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ เป็นตัวชูโรง จะครองแชมป์โลก สมัยที่ 5 ได้อีกแล้ว

นัดเปิดสนามบอลโลก ในทวีปเอเซีย กลายเป็นตำนานแห่งการพลิกล็อกครั้งใหญ่ เมื่อทีมน้องใหม่ อย่าง เซเนกัลเอาชนะ “แชมป์เก่า” ฝรั่งเศส ไปแบบช็อกโลก 1-0 แถมยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง กับพลพรรค “เลส์ เบลอส์” เมื่อไม่อาจเอาชนะคู่แข่งในกลุ่ม เอ ได้เลย เก็บไปได้เพียง 1 แต้ม ตกรอบ แรกไปโดยที่มิอาจยิงประตูคู่แข่งได้เลยแม้แต่ลูกเดียว เท่านั้น

ขณะที่ความผิดหวังอย่างรุนแรงตกเป็นของทีม “ตราไก่” แต่ทัวร์นาเมนต์ที่มหัศจรรย์กลับกลาย เป็นของขุนพล “สิงโตแห่งเตรังก้า” เมื่อเป็นฝ่ายรุกคืบหน้าผ่านเข้าสู่รอบสอง ก่อนที่จะหักปากกาเซียน พลิกเอาชนะสวีเดนไปอีก 2-1 ด้วยประตู “โกลเด้น โกล์” หลังต่อเวลา 120 นาที ยังเสมอกัน 1-1 แต่ก็ ต้องไปพลาดท่าตกรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยประตู “โกลเด้น โกล์” เช่นกัน จากฝีเท้าของตุรกี หลังต่อ เวลา 120 นาที ยังเสมอกัน 0-0 แมตช์พลิกล็อกครั้งใหญ่ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เมื่อ สหรัฐอเมริกา เปิดหัวด้วยการชนะ โปรตุเกส 3-2 แม้ทัพ “ฝอยทอง” จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาชนะโปแลนด์ 4-0 ก็ตาม แต่ก็มีอันต้องกลับบ้านแต่ไก่โห่ เมื่อต้องมาเจอเจ้าภาพจอมเซอร์ไพรส์ อย่าง เกาหลีใต้ จนพ่ายไปอีก 0-1 กระเด็นตกรอบไปอย่างไม่มีใครคาดคิด
ขณะเดียวกัน กลุ่ม เอฟ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “กลุ่มแห่งความตาย” เมื่อมีทีมอังกฤษ, สวีเดน, อาร์เจนตินา และ ไนจีเรีย มาอยู่ร่วมกัน โดยยังมี นัดล้างตาเกิดขึ้นในเกมคู่ระหว่าง “สิงโตคำราม” กับ “ฟ้า-ขาว” ที่ประเทศญี่ปุ่น เดวิด เบ็คแฮม กัปตันทีมผู้ดี ซึ่งโดนใบแดงในศึก “ฟร้องซ์’ 98″ เกมพ่ายขุนพลอาร์เจนไตน์ในการดวลจุดโทษ ตกรอบ 2 ไปอย่างน่าเจ็บใจนั้น ก็ได้โอกาสลบรอยแค้นด้วยการยิงจุดโทษเป็นประตูชัย 1-0 ให้กับอังกฤษ ก่อนที่ อาร์เจนตินา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นทีมเต็งแชมป์ก่อนเปิดฉากชิงชัย จะทำได้แค่เสมอ 1-1 กับ ทีม “ฟรีเซ็กซ์” ในนัดสุดท้าย ส่งผลทำให้กลายเป็น “ยักษ์ใหญ่” อีกทีมหนึ่งที่ต้องกลับบ้านก่อนกำหนด

เมื่อดำเนินมาถึงรอบน็อกเอาท์ ผลการแข่งขันที่ไม่คาดฝันก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อ “โสมขาว” เกาหลีใต้ โชว์ทีเด็ดเจ้าภาพร่วม พลิกอัด อิตาลี 2-1 ด้วยประตูทอง “โกลเด้น โกล์” ของ อาห์น จุง-ฮวาน ศูนย์หน้าหน้าหวาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังยันเสมอ “กระทิงดุ” สเปน และเฉือนชนะ ด้วยการดวลจุดโทษในรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้อีกต่างหาก หลังเสมอกัน 0-0 ในการต่อเวลาพิเศษ อย่างไรก็ตาม แม้ “โสมขาว” จะพลาดแพ้ต่อ “อินทรีเหล็ก” 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ ไปในที่สุดก็ตาม แต่ มหาชนชาวเกาหลี พากันออกมาเฉลิมฉลองความสำเร็จเกินคาดของทีมอันเป็นที่รักกันอย่างเนืองแน่นไปทั่วประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดในทุกๆ นัดที่ผ่านมา

ส่วน ญี่ปุ่น “เจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2002″ อีกทีม ก็ประสบความสำเร็จพอสมควร ด้วยการเป็นทีมอันดับ 1 ของ กลุ่ม เอช ก่อนที่จะพ่ายตุรกี 0-1 ในรอบสอง โดยขุนพลชาติ “ไก่งวง” นั้น โชว์ฟอร์มน่าประทับใจไปได้ไกลจน ถึงรอบตัดเชือกเลยทีเดียว

รอบตัดเชือก แม้ว่า “ไก่งวง” ตุรกี จะฟอร์มดีแค่ไหนก็มิอาจต้านทานความแข็งแกร่งของบราซิลได้ สำเร็จ โดย โรนัลโด้ มีชื่อเป็นผู้ทำประตูชัยในนัดนี้ ส่วนอีกสายหนึ่ง “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน อาศัยความคงเส้นคงวา และ ความเหนียวหนึบของ โอลิเวอร์ คาห์น นายทวารหน้าดุ กรุยทางผ่านเข้ารอบมาเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นทีมเต็งแชมป์ในคราวนี้เลยก็ตาม โดยชนะคู่แข่ง 1-0 มาทุกนัดตั้งแต่รอบ 2 ก่อน ที่จะมาดับความหวังทะลุชิงแชมป์โลกของเกาหลีใต้ไปในที่สุด

และแล้ว “อินทรีเหล็ก” และ “เซเลเซา” ก็โคจรมาพบกันเป็นครั้งแรกในเวิลด์ คัพ 2002 โดย โรนัลโด้ ซึ่งเล่นไม่ออกในนัดชิงดำ เมื่อ 4 ปีก่อน กู้ชื่อเป็นพระเอกตัวจริง ในนัดชิงชนะเลิศบนแผ่นดินแดนเอเซีย พร้อมกับเหมา 2 ประตู ส่ง “แซมบ้า” บราซิล ครองแชมป์โลกสมัยที่ 5 ด้วยชัยชนะ 2-0 แถมยังคว้าตำแหน่งดาว ซัลโวฟุตบอลโลก 2002 ด้วยผลงานการยิงประตูอันสวยหรูถึง 8 ลูก เลยทีเดียว

ที่มา http://sport.mthai.com/write-sport-mthai/29637.html

รายการบล็อกของฉัน